ในวันนี้ผมก็ได้มีโอกาสกลับมาที่เมืองสังขละบุรีนี้อีกครั้งนึง
พร้อมจะมาแนะนำที่เที่ยว อื่นๆของเมืองสังขละอีกด้วย ในแบบ 360 องศา
สังขละบุรี เมืองที่น่าเที่ยวอีกแห่งนึงของจังหวัดกาญจนบุรี
ความสวยงามของสะพานมอญ และวัดวังวิเวการาม(เก่า)
หรือเมืองบาดาล นั้นเป็นที่เลื่องลื่อมาก
อีกทั้งวัฒนธรรมของชาวสังขละบุรีเองก็มีสเน่ห์มาก
หรือเมืองบาดาล นั้นเป็นที่เลื่องลื่อมาก
อีกทั้งวัฒนธรรมของชาวสังขละบุรีเองก็มีสเน่ห์มาก
จนนักท่องเที่ยวต่างๆยอมนั่งรถข้ามป่าข้ามเขามามากกว่า 300 กิโลเมตร
เพื่อชมความงามของเมืองหน้าด่านแห่งนี้
จากกรุงเทพกว่าจะมาถึงสังขละบุรีก็เป็นช่วงบ่ายๆ แล้วครับ
ผมคิดว่าเราเข้าที่พักกันก่อนดีกว่า
ที่พักในการมาเยือนสังขละบุรีของเราในวันนี้ชื่อว่า ภูชมหมอกรีสอร์ท
เบอร์โทรของที่พัก 064-964-7767 และก็เฟสบุ๊คครับ
ภูชมหมอกรีสอร์ทนั้นเป็นรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ห้องพักต่างๆยังดูใหม่อยู่มาก
ภาพแบบ 360 องศา https://goo.gl/maps/1R48Uj9P8e42
ห้องพักที่นี่มีสองแบบคือ ห้องชมมหมอก ราคา 2,000 บาท และห้องชมดาวราคา 1,500 บาท
ในครั้งนี้เราเข้ามาพักห้องชมดาวภายในห้องกว้างขวางดีครับ
ภาพแบบ 360 องศา https://goo.gl/j4dQ9A
มีทั้งทีวีดาวเทียม ตู้เย็น ชุดชากาแฟ ร่มกันฝนก็มี อินเตอร์ไวไฟมีทุกห้อง
ห้องน้ำที่ภูชมหมอกนั้นออกสไตล์ลอฟ์ทครับ
ทุกห้องมีระเบียงไว้ให้ชมวิวหมอกในยามเช้า
หลังจากเอาของเก็บเข้าห้องกันเรียบร้อยร้อยแล้ว
เราออกไปหาข้าวทานที่ตลาดสังขละ
ที่ตลาดสังขละนั้นมีของขายหลายอย่าง
ทั้งข้าวกล่อง ไส้กรอก ยำ ส้มตำ และอื่นๆอีกมากมาย
แต่ของกินที่ขึ้นชื่อของเมืองสังขละเห็นจะเป็นเจ้านี่เเหละครับ
"หมูจุ่ม" มีทั้งเนื้อหมู เครื่องใน หั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ
แช่อยู่ในน้ำซุปสูตรลับของทางร้าน บ้างร้านก็จะมีเส้นบะหมี่ให้เราทานคู่กับหมูจุ่มด้วย
หลังจากนั้นเรากลับที่เพื่อมาเก็บภาพในยามค่ำอีกครั้งหนึ่ง
อาหารเช้าของที่ ภูชมหมอกรีสอร์ท นั้นจะเริ่มเวลา 7 โมงจนไปถึง 10.00 น.
ทำให้เรามีเวลาไปตักบาตร และเดินเที่ยวที่สะพานมอญได้สบายๆครับ
ยามเช้าที่สังขละก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายที่ผมตื่นมาใส่บาตรไม่ทัน
ก็เลยเดินเล่นแถวๆสะพานมอญอีกนิดหน่อย
ภาพแบบ 360 องศา https://goo.gl/maps/KGTp3wyAMcP2
จากนั้นค่อยกลับมาทานอาหารที่ ภูชมหมอกรีสอร์ท
ไลน์บุฟเฟ่ต์มาเต็ม ทั้งแฮม ไส้กรอก ข้าวต้ม ขนมปัง
เด็ดสุดต้องไข่กะทะครับ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ทานอาหารเสร็จผมเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พักเพราะวันนี้เราจะไปเที่ยวน้ำตกของเมืองสังขละบุรีกัน
หลายๆคนอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่าสังขละบุรีก็มีน้ำตกที่มีความสวยงามไม่เป็นรองใครทั้งนั้น
แถมน้ำตกนี้อยู่บนถนนเส้นเดียวกันซะด้วยชื่อว่าน้ำตกนพพิบูลย์ และน้ำตกตะเคียนทอง
เราจะไปถึงน้ำตกนพพิบูลย์ก่อนครับ
จากสังขละบุรีให้เรามุ่งหน้าไปทางด่านเจดีย์สามองค์ ขับตรงไป 13 กิโลเมตร ผ่านศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง ผ่านจุดตรวจบ้านน้ำเกิ๊ก ตรงไปจนพบทางแยกเข้าน้ำตกตะเคียนทอง ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบท 2078 ตรงเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร (ทางลาดยางสลับ คสล.) ให้สังเกตจะช่วงนึงที่ข้ามลำธารเล็กๆ ให้เราจอดรถชิดไหล่ทาง แล้วเดินไปตามลำธารอีก 50 เมตร ก็จะถึงตัวน้ำตกชั้นแรก
"น้ำตกนพพิบูลย์" นั้นเป็นน้ำตกหินปูนขนาดเล็กที่ไล่ระดับกัน โดยมีสายน้ำลดหลั่นกันลงมาเป็นแอ่งตื้น ๆ และไหลทอดยาวตกลงสู่หน้าผา ที่มีความสูงประมาณ 25 เมตร ส่งเสียงน้ำก้องดังไปทั่วบริเวณ
ระดับน้ำไม่ลึกมากอยู่ในระดับที่ปลอดภัยและนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้
จากน้ำตกนพพิบูลย์ขับรถเข้าไปอีกประมาณ 8 กิโลเมตร จะเจอหน่วยพิทักษ์ป่า
จอดรถแล้วก็เดินเข้าไปอีกประมาณ 20 นาที ก็จะถึงตัวน้ำตกแล้วครับ
น้ำตกตะเคียนทองนั้นเป็นน้ำตกที่มีความยาวและกว้าง เป็นเหมือนสารธารที่ไหลผ่านป่า
จะมีชั้นน้ำตกเป็นช่วงๆ ช่วงที่ใหญ่ที่สุดคือตัวน้ำตกตะเคียนทอง
จะมีต้นตะเคียนอยู่ ให้ความร่มรื่นดีมากครับ
ภาพแบบ 360 องศา https://goo.gl/maps/tiWgY14b5Zu
หลังจากที่เราเต็มอิ่มกับน้ำตกทั้งสองแล้วก็ได้เวลากลับกันแล้วครับ
เพราะจากสังขละบุรีกลับกรุงเทพก็ใช้เวลานานอยู่
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจเล็กๆ www.facebook.com/wefoto ไว้กับเพื่อนๆ
แวะไปให้กำลังใจกันได้นะครับ แล้วพบกันใหม่น๊า